ลดน้ำหนักแบบไม่โยโย่เอฟเฟกต์ (YOYO Effect) ทำได้ยังไงบ้าง? 

เวย์ลดน้ำหนักตัวช่วยในการเสริมสร้างกล้ามเนื้อเพื่อการช่วยลดน้ำหนักอย่างมีประสิทธิภาพโดยที่ไม่เกิดภาวะโยโย่เอฟเฟกต์

 

   การหมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกายในรูปแบบของคาร์ดิโอ (Cardio) หรือ เวทเทรนนิ่ง (Weight Training) เป็นหนึ่งในวิธีการที่ดีที่สุดที่จะช่วยให้เราสามารถลดและควบคุมปริมาณน้ำหนัก รวมถึงขจัดไขมันส่วนเกินที่มีอยู่ในร่างกายออกไปได้อย่างยั่งยืน แต่อย่างไรก็ตามเมื่อขึ้นชื่อว่า “การออกกำลังกาย” แล้วนั้น แน่นอนว่าก็ย่อมจะต้องมีเรื่องของความเหนื่อยล้า ความปวดเมื่อย หรือความขี้เกียจตามมาเป็นธรรมดา

 

   ส่งผลให้หลาย ๆ คนจึงเลือกที่จะมองหาทางลัดในการช่วยลดน้ำหนัก ที่จะช่วยให้ตนเองสามารถลดน้ำหนักได้แบบไม่ต้องเหนื่อย และไม่ต้องเผชิญหน้ากับการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อที่น่ารำคาญใจหลังจากการออกกำลังกาย ด้วยการหันมาอดอาหารและพึ่งพาอาหารเสริมลดน้ำหนักหรือยาลดน้ำหนักกันมากขึ้น จนทำให้ระบบเผาผลาญพังจนเป็นจุดเริ่มต้นของการเกิดโยโย่เอฟเฟกต์ (YOYO Effect) หรือก็คือ ภาวะที่น้ำหนักตัวที่เคยดิ่งตัวลงเกิดการเหวี่ยงตัวพุ่งขึ้นมาอย่างรวดเร็วคล้ายกับลักษณะของการเล่นโยโย่นั่นเอง

 

   เพราะฉะนั้นแล้วเพื่อเป็นการป้องกันการเกิดโยโย่เอฟเฟกต์ที่ส่งผลให้น้ำหนักตัวที่ปรับลดลงไปอย่างยากลำบาก ดีดตัวพุ่งกลับขึ้นอีกครั้งอย่างน่าเสียดาย วันนี้เราก็มีเคล็ด(ไม่)ลับดี ๆ ที่จะช่วยให้คุณสามารถหลีกเลี่ยงอาการยิ่งลดยิ่งอ้วน หรือ โยโย่เอฟเฟกต์ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อการมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงและรูปร่างที่สวยงามสมส่วนน่ามอง มาลองดูไปพร้อมกันเลยดีกว่าว่าจะมีเคล็ด(ไม่)ลับอะไรดี ๆ ที่น่าสนใจบ้าง

 

   หลีกเลี่ยงอาการยิ่งลดยิ่งอ้วน หรืออาการโยโย่ได้ง่าย ๆ เพียงแค่เริ่มทำตามนี้

 

   1. เริ่มต้นออกกำลังกายอย่างจริงจัง

   สาเหตุหลักของการเกิดโยโย่เอฟเฟกต์เกิดขึ้นมาจากการพยายามลดน้ำหนักอย่างไม่ถูกวิธี โดยใช้วิธีการอดอาหารแทนการมาออกกำลังกาย ในช่วงแรกของการอดอาหารนั้นน้ำหนักคุณจะลดอย่างรวดเร็วจนคุณทึ่งกับผลลัพธ์ที่ได้ แต่หารู้ไม่นั่นคือสิ่งที่จะทำให้ระบบเผาผลาญพังในท้ายที่สุด ถือเพิ่มโอกาสเสี่ยงที่จะทำให้ร่างกายเกิดโยโย่เอฟเฟกต์ได้ง่ายมากยิ่งขึ้น เพราะฉะนั้นแล้วหากคุณไม่ต้องการให้ร่างกายของตนเองเกิดภาวะโยโย่จนทำให้น้ำหนักกลับมาพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง ก็ควรที่จะต้องเริ่มต้นวางแผนการลดน้ำหนักด้วยการออกกำลังกายอย่างจริงจัง

 

   โดยการออกกำลังกายที่ถือได้ว่ามีประสิทธิภาพที่สุดสำหรับคนที่จะต้องการลดน้ำหนักและเผาผลาญไขมันส่วนเกิน คือ การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอซึ่งเป็นการออกกำลังกายที่สามารถทำได้ง่าย ๆ จากที่บ้านไม่ว่าจะเป็นการวิ่งบนลู่วิ่งไฟฟ้า การปั่นจักรยานออกกำลังกายหรือการเต้นแอโรบิค เป็นต้น ควบคู่ไปกับการออกกำลังกายในรูปแบบของเวทเทรนนิ่ง อย่างเช่น การยกดัมเบล บาร์เบล หรือยางยืด ให้ได้อย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ในระยะเริ่มต้น ก่อนจะค่อย ๆ ขยับเพิ่มขึ้นให้อยู่ในระดับ 200 ถึง 300 นาทีต่อสัปดาห์เมื่อเริ่มออกกำลังกายมาได้สักระยะหนึ่งแล้ว เพื่อเป็นการช่วยเสริมสร้างมวลกล้ามเนื้อที่จะช่วย กระตุ้นให้ร่างกายสามารถเผาผลาญพลังงานและสามารถเบิร์นไขมันส่วนเกินได้ง่ายมากยิ่งขึ้น

 

   2. ห้ามอดอาหารโดยเด็ดขาด

   การอดอาหารเป็นหนึ่งในสาเหตุที่สำคัญที่สุดที่ทำให้หลาย ๆ คนที่กำลังจะลดน้ำหนักต้องเผชิญหน้ากับปัญหาโยโย่เอฟเฟกต์ หรือการที่น้ำหนักตัวที่เคยลดลงไปแล้ว เพิ่มกลับขึ้นมาอย่างรวดเร็วอีกครั้ง เนื่องจากการที่เราอดอาหารหรือลดปริมาณอาหารที่ทานในแต่ละมื้อลงอย่างรวดเร็วจะทำให้ร่างกายเริ่มต้นเข้าสู่โหมดประหยัดพลังงาน หรือโหมดจำศีล (Starvation Mode) ซึ่งเป็นภาวะที่ร่างกายจะเริ่มต้นทำการปรับตัวเพื่อให้เกิดการเผาผลาญพลังงานที่ลดน้อยลง และเริ่มต้นเก็บสะสมพลังงานให้อยู่ในรูปของไขมันที่มากขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายต้องเผชิญกับภาวะขาดสารอาหาร

 

   เพราะฉะนั้นแล้ว เมื่อไหร่ก็ตามที่เราหันกลับมาทานอาหารในปริมาณปกติเท่าเดิมก่อนที่จะเริ่มต้นอดอาหาร ก็จะส่งผลให้ร่างกายไม่สามารถทำการเผาผลาญอาหารที่รับประทานเข้าไปได้อย่างเต็มประสิทธิภาพดังเดิม จนส่งผลให้น้ำหนักตัวของเราเพิ่มขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ซึ่งในกรณีที่ร้ายแรงที่สุดก็คือการที่น้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นมาเหล่านี้อาจมากขึ้นกว่าน้ำหนักตัวก่อนที่จะมีการเริ่มต้นลดน้ำหนักด้วยซ้ำ

 

   3. ให้ความสำคัญกับการคุมอาหาร

   หากพูดถึงการคุมอาหารเชื่อว่าหลายคนจะต้องเคยมีความเข้าใจแบบผิด ๆ ว่าการคุมอาหารนั้นคือ การจำกัดปริมาณอาหารที่จะรับประทานในแต่ละมื้อให้น้อยลงอย่างแน่นอน แต่ในความเป็นจริงแล้วการควบคุมอาหารนั้นหมายถึงการควบคุมปริมาณของสารอาหารที่เราจะรับประทานในแต่ละวันให้สอดคล้องกับ ปริมาณพลังงานที่ร่างกายของเราต้องการใช้ในแต่ละวัน เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ร่างกายเหลือพลังงานส่วนเกินที่จะนำไปเก็บสะสมอยู่ในรูปของไขมัน ซึ่งจะส่งผลให้เรามีน้ำหนักตัวที่เพิ่มมากขึ้นได้

 

   โดยวิธีการควบคุมอาหารสำหรับคนที่กำลังเริ่มต้นลดน้ำหนักที่สามารถทำได้ง่ายที่สุด คือ การหันมารับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และรับประทานอาหารให้ครบทั้ง 3 มื้อ เพื่อช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์อย่างครบถ้วน สำหรับอาหารที่คนที่กำลังลดน้ำหนักควรเลือกรับประทานควรเป็นอาหารที่ให้พลังงานต่ำ ยกตัวอย่างเช่น ธัญพืชที่ไม่ขัดสี เนื้อสัตว์ที่ไม่มีไขมัน รวมถึงอาหารที่เป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน อย่างเช่น ข้าวกล้อง หรือ ขนมปังโฮลวีต เป็นต้น พร้อมกันนี้ยังควรหลีกเลี่ยงการรับประทานของทอด ของมัน รวมถึงอาหารและเครื่องดื่มที่อุดมไปด้วยแป้งและน้ำตาล เพื่อเป็นการช่วยลดการรับพลังงานและไขมันส่วนเกินเข้าสู่ร่างกายโดยไม่จำเป็น

 

   4. ห้ามทานยาลดความอ้วน

   ยาลดความอ้วนเป็นหนึ่งในทางลัดของการลดน้ำหนักที่ถือได้ว่านอกจากจะเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ร่างกายต้องเผชิญหน้ากับภาวะโยโย่เอฟเฟกต์แล้วนั้น ยาลดความอ้วนยังส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายของเรา ทั้งในระยะสั้นและระยะยาวอีกมากมาย เพราะยาลดความอ้วนเป็นยาที่ออกฤทธิ์กดการทำงานของระบบ ประสาท ซึ่งจะส่งผลทำให้ผู้ที่รับประทานยาลดความอ้วนเกิดความรู้สึกเบื่ออาหาร หรือรู้สึกอิ่มท้องอยู่ตลอดเวลาจนทำให้ไม่อยากรับประทานอาหาร ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวนี้จะส่งผลให้ร่างกายเริ่มต้นจดจำถึงพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่เปลี่ยนแปลงไป

 

   ส่งผลให้เมื่อ เมื่อผู้ใช้งาน หยุดรับประทานยาลดน้ำหนัก และเริ่มต้นกลับมารับประทานอาหารเหมือนเดิมอีกครั้ง อาหารที่ได้รับประทานเข้าไปส่วนใหญ่นั้นก็จะไม่เกิดการเผาผลาญและถูกเก็บสะสมให้อยู่ในรูปของไขมัน ซึ่งส่งผลให้ถึงแม้ว่าผู้ที่กำลังลดน้ำหนักจะรับประทานอาหารในปริมาณที่น้อยลงกว่าที่เคยทานสักเท่าไหร่ ปริมาณไขมันในร่างกายก็จะยังคงเพิ่มขึ้นจนส่งผลต่อความอ้วนที่เพิ่มมากขึ้นอยู่ดี

 

   5. เพิ่มปริมาณโปรตีนในมื้ออาหาร

   โปรตีนเป็นหนึ่งในหมวดหมู่ของสารอาหารที่มีความจำเป็นต่อร่างกาย เพราะโปรตีนเป็นสารอาหารที่มีความสำคัญต่อการช่วยเสริมสร้างมวลกล้ามเนื้อ ซึ่งเป็นตัวช่วยสำคัญในการเผาผลาญพลังงานในร่างกายโดยตรง เพราะฉะนั้นแล้วเพื่อเป็นการช่วยป้องกันไม่ให้ผู้ที่กำลังจะลดน้ำหนักต้องเผชิญหน้ากับภาวะโยโย่เอฟเฟกต์ ผู้ที่กำลังลดน้ำหนักจึงควรรับประทานโปรตีนให้ได้อย่างน้อย 1 ใน 4 ส่วน ของอาหารที่รับประทานในแต่ละมื้อ หรือรับประทานโปรตีนให้ได้ในปริมาณที่เท่ากับน้ำหนักตัวในอัตราส่วนโปรตีน 1 กรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม

 

   ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่านอกจากการรับประทานอาหารที่มีส่วนประกอบของโปรตีน อย่างเช่น อกไก่ต้ม เนื้อปลา และไข่ขาว เป็นต้น แล้วนั้นผู้ที่ชื่นชอบการออกกำลังกายหรือผู้ที่เข้าฟิตเนสเป็นประจำส่วนใหญ่มักจะรับประทานอาหารประเภทโปรตีนเหล่านี้ควบคู่ไปกับการรับประทานเวย์โปรตีนทั้งชนิดที่เป็นเวย์ลดน้ำหนักและเป็นเวย์เพิ่มน้ำหนักอยู่เสมอ เพื่อเป็นการช่วยทดแทนมวลกล้ามเนื้อที่ต้องสูญเสียไปพร้อมกับไขมันในระหว่างการออกกำลังกาย ซึ่งจะเป็นการช่วยป้องกันไม่ให้ระบบเผาผลาญพัง หรือทำให้ร่างกายเกิดการเสียสมดุลจนทำให้เกิดภาวะโยโย่เอฟเฟกต์ตามมาได้

 

   สำหรับใครที่กำลังมองหาตัวช่วยในการเสริมสร้างกล้ามเนื้อเพื่อการช่วยลดน้ำหนักอย่างมีประสิทธิภาพโดยที่ไม่เกิดภาวะโยโย่เอฟเฟกต์ตามมา ต้องไม่พลาด เวย์โปรตีน (Whey Protein) เวย์ลดน้ำหนัก เวย์เพิ่มน้ำหนัก และเวย์ไอโซเลทจาก Fitwhey เวย์โปรตีนบริสุทธิ์คุณภาพสูง การันตีคุณภาพด้วยการได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล

 

   เลือกเวย์โปรตีนที่เหมาะกับความต้องการของคุณได้จาก fitwhey.com หรือรับคำปรึกษาพร้อมบริการจัดชุดอาหารเสริมตามที่คุณต้องการโดยผู้เชี่ยวชาญของเราได้ในทุกช่องทางออนไลน์

 

   ติดต่อเรา

   Facebook Inbox : https://www.facebook.com/fitwhey

   LINE : @FITWHEY

   Email : contactus@fitwhey.com