ออกกำลังกายกายมาก กินน้อย ทำไมถึงลดน้ำหนักไม่ค่อยสำเร็จ
กินให้น้อยกว่าที่ใช้ จะลดน้ำหนักได้จริงหรือ (calories in / calories out)

เมื่อพูดถึงการลดน้ำหนัก มักจะเข้าใจว่าควรกินให้น้อยกว่าที่ใช้ ในขณะที่บางคนที่คุมอาหารลำบากก็คิดว่างั้นก็ใช้ให้มากกว่าที่กินก็เหมือนกัน ความเชื่อเหล่านี้มาจากทฤษฎี 3,500 แคลอรี่

ทฤษฎี 3,500 แคลอรี่ เกิดจากการทดลองว่าด้วยการจะเผาผลาญไขมัน 1 ปอนด์/สัปดาห์ จะต้องติดลบพลังงาน 3,500 แคลอรี่ (หรือ 500 แคลอรี่/วัน) จึงเป็นที่มาให้เกิดการคุมอาหารแบบต่างๆและคลาสออกกำลังกายเผาผลาญแคลอรี่ในหลายรูปแบบ ถ้าทฤษฎีนี้ถูกต้องจริงๆในแต่ละปีจะสามารถลดน้ำหนักได้ถึง 52 ปอนด์เป็นอย่างน้อย

บทความนี้จะกล่าวถึงแนวคิดที่ว่าทำไมการออกกำลังกายให้มาก เน้นเผาผลาญแคลอรี่ให้ได้สูง บวกกับการกินน้อยลง ทำไมถึงลดน้ำหนักไม่ค่อยจะสำเร็จ แม้ว่าในช่วงเริ่มต้นมักจะได้ผลดีก็ตาม แต่ท้ายที่สุดก็ไม่สามารถบรรลุผลได้ตามเป้าหมายที่ตั้งใจไว้

ฮอร์โมนส์ Cortisol
สาเหตุแรกที่ทำให้น้ำหนักตัวไม่ลดลงหลังจากที่ผ่านออกกำลังกายอย่างหนักมาซักระยะมาจากการปรับตัวของร่างกาย กล่าวคือเมื่อร่างกายเริ่มชินกับการออกกำลังกายมากเท่าไหร่ ร่างกายจะใช้พลังงานน้อยลง ยกตัวอย่างเช่น ในการเข้าคลาสออกกำลังกายใหม่ๆมักจะเหนื่อยมากเมื่อเทียบกับหลังจากผ่านไปได้ 1-2 เดือน หัวใจในช่วง peak จะเต้นช้าลง เหงื่อออกน้อยลง

สาเหตุที่สองก็คือหากออกกำลังกายมากเกินไปและจำกัดอาหารจนร่างกายได้รับความเครียดสูง ระดับของฮอร์โมนส์ Cortisol สูงมากเกินไป จนร่างกายเริ่มลดการใช้ไขมันลงและเปลี่ยนมาใช้น้ำตาลมากขึ้น ถึงขึ้นที่เริ่มสลายโปรตีนในร่างกายมาให้พลังงานแทน ในจุดนี้จะสังเกตได้ว่าเราจะเริ่มมีความอยากอาหารอยากหวานมากขึ้น นอนหลับยากขึ้น ตัวบวม น้ำหนักตัวขึ้นๆลงๆ

ดังนั้นจึงจำเป็นที่ต้องรู้ว่าจะออกกำลังกายควบคู่ไปกับการลดอาหารอย่างถูกวิธีได้อย่างไร

การยกน้ำหนัก (Weight-Training) ให้คิดเสมอว่าในช่วงที่จำกัดอาหาร การซ่อมแซมกล้ามเนื้อเป็นไปได้ยาก จึงควรลดปริมาณการฝึกลง (Sets) เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะ Overtrain แต่ยังคงต้องฝึกหนักเหมือนเดิมเพื่อรักษาขนาดกล้ามเนื้อเอาไว้ ผมแนะนำให้ลดการฝึกเหลือท่าละ 1-2 sets (ไม่รวมวอร์ม)

สามารถทำ Cardio ได้ทั้งแบบ HIIT และแบบ Steady-state แต่ต้องไม่ให้เหนื่อยจนเริ่มรู้สึกหิว อยากหวาน กล้ามเนื้ออ่อนล้า นอนหลับยาก ผมแนะนำว่าถ้ามีปัญหาให้ใช้การเดินเร็วปานกลางวันละ 20-40 นาที แทนการทำ Cardio แบบหนักๆ
วิธีที่ดีที่สุดเวลาที่เกิดปัญหาเหล่านี้ แนะนำให้หยุดพักออกกำลังกาย 1 สัปดาห์ เพื่อให้ร่างกายได้คลายเครียดและฟื้นตัว แล้วปรับปรุงแก้ไขโปรแกรมฝึก-อาหาร-และวันพัก ก่อนกลับมาเริ่มใหม่อีกครั้ง

สรุปสั้นๆว่า... สร้างกล้ามเนื้อ = ฝึกหนักขึ้น + กินมากขึ้น, ลดไขมัน = กินน้อยลง + ฝึกน้อยลง (เน้นรักษาระบบเผาผลาญ)


ปราปต์ ปรมาภูติ



แนะนำสินค้าลดน้ำหนักที่คุ้มที่สุด 

                   
BAAM BURN V3 ของ FITWHEY คือ เวย์โปรตีนที่เป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพสูง มีกรดอะมิโนครบถ้วนในการสร้างกล้ามเนื้อ โดยร่างกายสามารถย่อยได้ไว ดูดซึมนำไปใช้ได้เต็มที่ ปลอดภัย ใช้ได้ทุกเพศทุกวัย แม้แต่คนที่แพ้นม (หรือแพ้น้ำตาลแลคโตสในนม) เพราะเป็นโปรตีนความบริสุทธิสูง ใช้น้ำตาลแลคโตสและมีไขมันต่ำ พลังงานต่ำ ที่ช่วยให้กล้ามไม่หาย ซิกแพ็ค ชัด ฟื้นฟูกล้ามเนื้อได้ไว แม้ในช่วงเวลาไดเอท หรือ ช่วงลดน้ำหนัก ที่กินน้อย สนใจ BAAM BURN V3 ตอนนี้มีโปรโมชั่นพิเศษเพียง 2,720 บาท จากปกติราคา 4,569 บาท
สำหรับการสร้างนั้น นอกจากการออกกำลังกายและการคุมอาหารแล้ว วินัยและความอดทนก็เป็นสิ่งสำคัญ ยิ่งถ้าร่างกายของคุณมีปริมาณไขมันสะสมอยู่จำนวนมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งจะต้องใช้เวลาในการสร้าง ซิกแพ็ค มากขึ้นเท่านั้น… ดังนั้นการมีกล้ามเนื้อหน้าท้องที่สวยงามนั้น อาจจะต้องมาคู่กับเป้าหมายที่เพื่อรูปร่างและสุขภาพที่ดีในระยะยาวของคุณด้วย
หากคุณสนใจอาหารเสริมคุณภาพเยี่ยมอย่าง BAAM BURN V3 หรือเวย์โปรตีนสูตรอื่นๆ เพื่อช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้ออย่างมีประสิทธิภาพ ที่ FITWHEY เราจดทะเบียนรูปแบบบริษัท ดำเนินกิจการมามากกว่า 14ปี เป็นโปรตีนคุณภาพดีที่เราส่งสินค้าตรวจ LAB อย่างมีมาตรฐาน และนำเข้าอาหารเสริมของแท้ 100% ต่างๆ มากกว่า 2,000 รายการ


ติดต่อเรา

   Facebook Inbox : https://www.facebook.com/fitwhey

   LINE : @FITWHEY

   Email : contactus@fitwhey.com